วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557




แมวพันธุ์เดวอนเรก Devon Rex  กำเนิด จากการนำแมวบ้านพันธุ์พื้นเมืองผสมกับแมวป่าและได้แมวพันธุ์นี้ออกมา เดวอนเป็นชื่อเมืองที่ให้กำเนิด แมวพันธุ์นี้ถือกำเนิดเมื่อประมาณปี 1960 แรกๆคนนึกว่ามันเป็นพันธุ์เดียวกับแมวพันธุ์คอร์นิซ เรกซ์ แต่การพิสูจน์ทางยีนส์พันธุ์กรรมจะพบว่ามันไม่ใช่สายพันธุ์เดียวกันแน่นอน

ลักษณะสายพันธุ์

สี : มีอยู่ 34 สี ทั้งเฉ

รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดเล็ก-กลาง ลำตัวเพรียว เท้าเล็กรูปไข่ ใบหน้าสั้นรูปลิ่มมีโหนกแก้มชัดเจน จมูกจะสั้น ใบหูใหญ่ ตารูปไข่สีตาเป็นสีอำพัน ขนของแมวเดวอน เรกซ์ จะต่างจากแมวคอร์นิซ เรกซ์ ตรงที่ขนยาวกว่าและหยิกเป็นคลื่นน้อยกว่า

ลักษณะนิสัย : ขี้เล่น ชอบซุกซน มีอะไรทำทั้งวัน เรียกว่าท่านจะไม่ผิดหวังถ้าท่านชอบแมวขี้เล่นประจบ
ดและลาย



เจแปนนีส บ๊อบเทล เป็นแมวรักษาการณ์ของไฮโซญี่ปุ่นมาหลายศตวรรษ โดยในปี 1602 มีคำสั่งจากทางการให้ผู้ครอบครองนำแมวของตัวเองไปปล่อยในพื้นที่ชนบทเพื่อทำ สงครามปราบหนูที่เป็นศัตรูตัวฉกาจต่ออุตสาหกรรมใหม่ที่กำลังรุ่งเรืองและทำ รายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาล นับจากนั้นมันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในตำนานและประวัติศาสตร์ รวมทั้งศิลปะของญี่ปุ่น โดยสื่อความหมายถึงการนำความโชคดีมีชัย (นี่เองจึงเป็นสาเหตุให้เจแปนนีส บ๊อบเทล เป็นแมวต้นแบบของแมวนางกวักของญี่ปุ่นนั่นเองล่ะค่ะ) ต่อมานักเพาะพันธุ์แมวชาวอเมริกันนำเจ้าหางกุดมาจากญี่ปุ่นในราวปี 1968 จากนั้นอีก 10 ปีก็ได้รับการประกาศเป็นพันธุ์มาตรฐานและเป็นที่นิยม

แมวประจำชนชาติญี่ปุ่นและเป็นสัตว์นำโชคเพราะมีคนทำเป็นตุ๊กตา ภาพเขียน รูปแกะสลักไว้ติดกับร้านค้าบ้านเรือน ในญี่ปุ่นจะเรียกแมวพันธุ์นี้ว่า มิเก (Mi-Ke) แปลว่า สามสี
เจแปนนีส บ๊อบเทล หรือ แมวหางกุดญี่ปุ่น (Japanese Bobtail) นั่นเองค่ะ น้องแมวสายพันธุ์นี้เป็นแมวที่น่ารัก เป็นมิตร มีเสน่ห์ และร่าเริงที่สุดพันธุ์หนึ่ง ชอบเล่น ชอบคาบของไว้ในปากเดินไปมา รวมทั้งชอบตะกุยน้ำเล่น มีเสียงร้องสดใสนุ่มนวลชวนหลงใหลอีกด้วยล่ะค่ะ

 ลักษณะประจำสายพันธุ์ของ เจแปนนีส บ๊อบเทล พวกเขาเป็นแมว ขนาดกลาง มีมัดกล้ามเนื้อให้เห็นชัดเจน ขายาวเรียว แต่มักพบว่าขาหลังยาวกว่าขาหน้า ส่วนหางที่สั้นกุดเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมหรือมิวเตชั่น มีขนหนาขึ้นปกคลุมเป็นแพสวยงามเหมือนหางกระต่าย (ดูกระปุกลุกน่ารักมาก) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตก ต่างกัน โดยทั่วไปแล้วมีความยาวราว 1-3 นิ้ว หัวเป็นรูปสามเหลี่ยม กระดูกแก้มเป็นสันนูน จมูกยาว ตารูปไข่สีเหลือง ไม่ค่อยพบตาสีฟ้า มีทั้งขนยาวและขนสั้น สีขนที่ฮิตที่สุดคือสามสี (ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า มิ-เกะ)
 สำหรับข้อเสียของเจ้าแมว เจแปนนีส บ๊อบเทล นั้น ก็จะอยู่ที่หางกุด ๆ ของพวกเขานั่นล่ะค่ะ เพราะมันเป็นอุปสรรคในการวิ่ง และยังทำให้สมดุลร่างกายแย่กว่าแมวพันธุ์อื่นอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วยล่ะค่ะ ... แต่สำหรับคนที่ชอบเลี้ยงแมวระบบปิด ให้น้องเหมียวคลอเคลียอยู่กับตัวเองตลอดเวลา ชลลี่ว่าเจแปนนีส บ๊อบเทล ตอบโจทย์เลยล่ะค่ะ ขอบอก!



 ตามหลัก ฐานอ้างอิงระบุว่า แมวพันธุ์นี้ปรากฎตัวสู่งานประกวดแมวเป็นครั้งแรกที่เมือง Crystal Palace ประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1875 ในฐานะแมวทูต ในตอนแรก Russian Blue ได้ถูกจัดอยู่ในประเภทแมวสี Blue จนยังไม่ทันถึงปี ค.ศ. 1912 Russian Blue ก็ได้รับการรับรองสายพันธุ์ด้วยตัวของมันเอง จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง นักผสมพันธุ์ชาวอังกฤษและสแกนดิเนเวียได้ทำการปรับปรุงสายพันธุ์ของ Russian Blue ให้ดียิ่งขึ้น 

          ต่อ มา แมวพันธุ์นี้ถูกนำเข้าไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นปี ค.ศ. 1900 แต่ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์น้อยมาก จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง นักผสมพันธุ์ชาวอเมริกาได้ทำการผสมแมวอังกฤษกับแมวสีเงินที่มีตาสีเขียว จนกลายเป็น Russian Blue อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน จนกระทั่งปี ค.ศ. 1960 แมวพันธุ์นี้ก็เริ่มได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในฐานะแมวบ้านและแมวประกวด
ว่า กันว่า ถิ่นกำเนิดเดิมของ แมวรัสเซียน บลู อยู่ทางตอนเหนือของประเทศรัสเซีย โดย แมวรัสเซี่ยน บลู ตัวแรกที่ถูกนำมาอังกฤษ เป็นของที่พระเจ้าซาร์องค์หนึ่งประทานให้แก่นักการเมืองชาวอังกฤษ ขณะที่บางตำนานกล่าวว่า ชาวกลาสีเรือรัสเซียเอาแมวชนิดนี้มาแลกกับขาแกะขาหนึ่งกับเจ้าของอู่เรือใน ปี ค.ศ. 1860 จนกระทั่งได้กลายเป็นแมวชั้นสูง และเป็นแมวที่นิยมชมชอบมากของราชินี Victoria  อย่างไรก็ดี ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงต้นกำเนิดของแมวพันธุ์ Russian Blue อย่างแน่ชัดนัก
  แมวรัสเซี่ยนบลู หรือ แมวรัสเซียสีฟ้า (Russian Blue) เป็น แมวน่ารัก สุภาพเรียบร้อย เงียบ รักสะอาด ขี้เล่น ทว่าขี้อายเล็กน้อย ฉลาดหลักแหลม เช่น สามารถเปิดประตูบ้านได้ด้วยตนเอง เข้ากันได้ดีกับเด็กๆ และสัตว์อื่นๆ อีกทั้งยังมีลักษณะเด่นที่ไม่เหมือนใคร ขนของมันสั้นและหนาแน่น ขนสีฟ้าซึ่งก็คือสีเทาอ่อนเป็นลักษณะเด่นที่แมวพันธุ์นี้มี และยังมีเพียงสีนี้สีเดียวเท่านั้น แต่ด้วยความที่ รัสเซียน บลู เป็นแมวที่มีขนสองชั้น ดูเผิน ๆ คล้ายขนของตัวบีเวอร์ ในระยะแรกจึงเป็นที่รู้จักกันในฐานะแมวทูต หรือ Foreign Blue
 สำหรับ ลักษณะประจำสายพันธุ์ แมวรัสเซียน บลู นั้น เป็นแมวตัวใหญ่ ดวงตากลมโตรูปกลม (Round) สีเขียวสุกใส ศีรษะแบนกว้างคล้ายงู รูปร่างป้อมกลม ล่ำสัน หูได้รูปกับศีรษะ ลำตัวยาวเรียว ขนสั้นอ่อนนุ่มสีเทาเงินล้วนเป็นเงางามอ่อนนุ่มทั่วตัว ปราศจากรอยด่างพร้อย ลักษณะศีรษะเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมตั้งขึ้น ขนขึ้นปกคลุมบริเวณคอมีความอ่อนนุ่มลักษณะคล้ายเส้นไหม และลำตัวค่อนข้างยาว

 




แมวหิมาลายัน เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าแมว color point เป็นแมวเปอร์เซียที่ได้รับความนิยมมากอีกชนิดหนึ่ง แมวหิมาลายันเกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวเปอร์เซียและแมวไทยพันธุ์ วิเชียรมาศ มีลักษณะรูปร่างหน้าตา และขนยาวเหมือนแมวเปอร์เซีย แต่มีแต้มแบบแมววิเชียรมาศ (9 จุด ได้แก่ ครอบหน้า 1, หู 2, ขาทั้ง 4, หาง 1 และอวัยวะเพศ 1) แมวหิมาลายันได้รับการพัฒนาจนมีสายเลือดที่นิ่งจนเป็นที่ยอมรับว่าเป็นแมว เปอร์เซียอีกสายพันธุ์หนึ่ง

         
 ลักษณะทั่วไป แมวหิมาลายัน

          แมว หิมาลายัน มีลักษณะผิวแบบแมวไทยในอเมริกาเหนือ ลำตัวสั้นป้อมและเตี้ย แข็งแรง ขาค่อนข้างเล็ก หูสั้น จมูกสั้น แก้มนูนเต็ม ลูกนัยน์ตากลมม่านในตาเปิด ลูกนัยน์ตาสีน้ำเงินหรือฟ้าสุกใส ขนยาว บริเวณรอบเอวมีขนอ่อนนุ่ม รอบ ๆ คอและแก้มมีขนครุยห้อย บริเวณหางขนขึ้นหนาทึบ ที่หูจะมีขนยาวเป็นกระจุกห้อยย้อยลงมาน่ารักเชียวหละ
 แมวหิมาลายัน เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าแมว color point เป็นแมวเปอร์เซียที่ได้รับความนิยมมากอีกชนิดหนึ่ง แมวหิมาลายันเกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวเปอร์เซียและแมวไทยพันธุ์ วิเชียรมาศ มีลักษณะรูปร่างหน้าตา และขนยลักษณะนิสัย แมวหิมาลายัน

          แมว หิมาลายัน ส่วนใหญ่นั้นไม่ใช่พวกที่ไม่สามารถอยู่นิ่งได้ กล่าวคือ มันไม่ได้ขยับไปขยับมาตลอดเวลา แม้มันชอบที่จะเล่นและเป็นค่อนข้างจะคล่องแคล่ว แต่มันก็มีเวลาของมัน แมวหิมาลายันชอบที่จะทำอะไรที่คุณกำลังทำอยู่ คำที่จะอธิบายลักษณะของมันได้มากที่สุดคือ people oriented ก็คือมีแนวโน้มที่จะอยู่กับคน ช่วยเหลือคน ปฏิบัติตามคน

         นอกจากนี้ แมวหิมาลายันมักจะพยายามที่จะช่วยเหลือคุณในทุก ๆ เรื่อง  ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่คุณอ่านหนังสือพิมพ์ หรือจัดเตียง มันมักจะมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของคุณเสมอ และมันก็จะระบายความรู้สึกของมันออกมาทางเสียงที่ไพเราะเป็นเหมือนดนตรี สิ่งที่มันต้องการที่สุดก็คือแค่การที่เราอุทิศแรงกายแรงใจในการเลี้ยงดู เอาใจใส่มันแค่นั้นเอง
           ทั้ง นี้ แมวหิมาลายัน ถูกผสมขึ้นครั้งแรกในแถบเทือกเขาหิมาลัย จึงได้ชื่อว่า แมวฮิมาลายัน แมวพันธุ์นี้จะมีลักษณะขนที่ปกคลุมร่างกายคล้ายละอองหิมะ มีนัยน์ตาสีฟ้าหรือสีน้ำเงิน หากดวงตาของแมหิมาลายันเป็นสีอื่นจะถือว่าผิดจากมาตรฐาน





 แมวโคราช (Korat)

          แมวพันธุ์นี้มีชื่อเรียกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แมวมาเลศ แมวดอกเลา หรือแมวสีสวาด เป็นหนึ่งใน 17 แมวมงคลของไทย ที่ได้รับพระราชทานชื่อมาจาก สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 5 ตามแหล่งกำเนิดของแมวพันธุ์นี้ ซึ่งพบใน อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ชื่อเสียงของแมวโคราชโด่งดังไปทั่วโลก หลังจากชนะเลิศงานประกวดประจำปีที่สหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ.1966

ความเชื่อเกี่ยวกับแมวโคราช แมวโคราชเป็นแมวแห่งโชคลาภ ผูกพันกับคนไทยมานาน สีขนเป็นสีสวาออกเทาเงิน หมายถึงสีของเงินและโชคลาภ เป็นแมวที่ใช้ในพิธีแห่นางแมวขอฝน เมื่อเจอฤดูการแห้งแล้ง เชื่อกันว่าสีขนคล้ายสีของเมฆอันเป็นที่มาของฝน ซึ่งสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ชาวไร่ ชาวนา ตามที่เป็นสีเขียวหรือเหลืองอำพันนั้นเปรียบเสมือนความเขียวขจีของกล้าข้าว ในนา แมวโคราชจัดเป็นแมวที่มีลักษณะที่ดี เป็นแมวที่ให้คุณแก่ผู้เลี้ยงดู ดังคำโบราณกล่าวไว้ว่า 'ใครพบเร่งให้อุปถัมภ์ แมวนั้นจักนำซึ่งสุขสวัสดิ์มงคล' และจากตำราดูลักษณะแมวดีในสมุดข่อยโบราณหอสมุดแห่งชาติ กล่าวไว้ดังนี้


          ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของแมวโคราช

          ลักษณะของแมวโคราชจะมีขนเรียบ โคนขนสีเทาขุ่น ๆ ส่วนปลายขนเป็นสีเงินประกายคล้ายหยดน้ำค้างบนใบบัว หรือผมหงอก และเป็นสีเช่นนี้ตลอดทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดปลายหาง สำหรับใบหน้าหากมองดูจากด้านหน้าจะเห็นเป็นรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่และแบน หูตั้ง ปลายหูมน โคนหูใหญ่ สำหรับแมวตัวผู้บริเวณหน้าผากจะมีรอยหยักทำให้เห็นเป็นรูปหัวใจเด่นชัดมาก ขึ้น ผิวหนังที่บริเวณจมูกและริมฝีปาก จะเป็นสีเงินหรือม่วงอ่อน




ความเชื่อเกี่ยวกับแมวโคราช แมวโคราชเป็นแมวแห่งโชคลาภ ผูกพันกับคนไทยมานาน สีขนเป็นสีสวาออกเทาเงิน หมายถึงสีของเงินและโชคลาภ เป็นแมวที่ใช้ในพิธีแห่นางแมวขอฝน เมื่อเจอฤดูการแห้งแล้ง เชื่อกันว่าสีขนคล้ายสีของเมฆอันเป็นที่มาของฝน ซึ่งสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ชาวไร่ ชาวนา ตามที่เป็นสีเขียวหรือเหลืองอำพันนั้นเปรียบเสมือนความเขียวขจีของกล้าข้าว ในนา แมวโคราชจัดเป็นแมวที่มีลักษณะที่ดี เป็นแมวที่ให้คุณแก่ผู้เลี้ยงดู ดังคำโบราณกล่าวไว้ว่า 'ใครพบเร่งให้อุปถัมภ์ แมวนั้นจักนำซึ่งสุขสวัสดิ์มงคล' และจากตำราดูลักษณะแมวดีในสมุดข่อยโบราณหอสมุดแห่งชาติ กล่าวไว้ดังนี้



แมวชื่อมาเลศ หรือดอกเลา วิลามาเลศ พรรณกาย ขนดังดอกเลาลาย เรียบร้อย โคนขนเมฆมอปลาย ปลอมเสวตร ตาดั่งน้ำค้างย้อย หยาดต้องสี

อุปนิสัยแมวโคราช แมวโคราชมีนิสัยที่แตกต่างจากแมวสายพันธุ์อื่นอย่างเห็นได้ชัด แมวโคราชจะมีนิสัยค่อนข้างฉลาด จำแม่น ขี้ประจบ ถ้าหากเรานำแมวโคราชไปปล่อยในต่างสถานที่ แมวฯ สามารถที่จะกลับมาที่บ้านของตัวได้ มีนิสัยคล้ายสิงห์โต จะสร้างอาณาจักรของตัวเองโดยการฉี่รอบสถานที่อยู่อาศัย แมวต่างถิ่นที่เป็นตัวผู้จะไม่ให้กล้ำกลายเข้ามา ยกเว้นตัวเมีย ตัวเมียถ้าหากอยู่รวมกันเป็นฝูงจะแบ่งชั้นวรรณะกัน ถ้าหากเราให้อาหารรวมกัน ตัวที่เป็นจ่าฝูงจะกินอาหารก่อน และไล่รองลงมา แต่การเลี้ยงลูกกลับมีนิสัยเหมือนสิงห์โต ตัวเมืองจะช่วยกันเลี้ยงลูก แมวถึงแม้ไม่ใช่ลูกของตัวเอง แม้แต่อาหารก็จะให้ลูกแมวกันก่อนแล้วค่อยกินทีหลัง แม่แมวจะฝึกลูกของตัวเองในการดำรงชีพ และป้องกันตัวโดยการสัตว์เล็กมาให้หยอกเล่นเป็นการฝึกการหาอาหารและป้องกัน ตัวเอง แมวโคราชมีนิสัยที่จะเจ้าของแม่นมาก ถ้าคนแปลกหน้าเข้ามาจะไม่ไว้วางใจหรืออาจจะขู่เลย แต่ถ้าเป็นเจ้าของจะวิ่งมาเคล้าแข้งเคล้าขา ประจบสอพลอ



        


แมวสายพันธุ์บอมเบย์ เกิดจากการผสมระหว่างแมวสายพันธุ์เบอร์มิส (แมวพม่า) กับแมวสายพันธุ์อเริกันขนสั้น มีรูปร่างขนาดกลางมองเห็นกล้ามเนื้อชัดเจน หัวโตหน้าผากกลมกว้าง หูกลมและเอียงไปทางข้างหน้า มีจมูกสั้นสีดำคางเห็นชัดเจน ตากลมโตสีตามีตั้งแต่สีทองไล่ไปจนสีทองแดง ขายาวปานกลางเท้าเล็กรูปไข่ มีนิสัยอ่อนโยนไม่ก้าวร้าวสามารถปรับตัวเข้ากับแมวตัวอื่นๆได้ดีและชอบอยู่ กับมนุษย์ไม่ปลีกตัวไปไกล
ชื่อสายพันธุ์บอมเบย์ได้มาจากเสือดำในประเทศอินเดีย และชื่อเมืองบอมเบย์ในประเทศอินเดีย (ปัจจุบันคือเมืองมุมไบ)





ลักษณะโดยทั่วไป
รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดกลางมีกล้ามเนื้อชัดเจน หัวโตหน้าผากกลมกว้าง หูกลมและเอียงไปทางข้างหน้า มีจมูกสั้นสีดำคางเห็นชัดเจน ตากลมโตสีตาเป็นสีทอง ขายาวปานกลางเท้าเล็กรูปไข่

ลักษณะนิสัย : อ่อนโยนไม่ก้าวร้าวสามารถปรับตัวเข้ากับแมวตัวอื่นๆได้ดีและชอบอยู่กับมนุษย์ไม่ปลีกตัวไปไกล




แหล่งข้อมูล  www.catthailand.com

       

             ต้นกำเนิดหรือจุดกำเนิดของแมวสายพันธุ์นี้ คาดว่ามาจากแมวพันธุ์ “อะบิสซิเนียน” ที่มีชื่อว่า “Zula” ซึ่งถูกนำเข้ามาจากประเทศอะบิสซิเนีย (ซึ่งปัจจุบันคือประเทศเอธิโอเปีย) โดยนายทหารที่ไปทำการรบในสงคราม “อะบิสซิเนีย” ที่เกาะ Zulu ในเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 1868 ตามหนังสือที่บันทึกไว้โดย Dr. Gordon Staples ในปี ค.ศ. 1874 แต่อย่างไรก็ตาม ต้นกำเนิดของแมวพันธุ์ “อะบิสซิเนียน” นี้ก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่เช่นกัน กล่าวคือ บางความเชื่อก็เชื่อว่า อะบิสซิเนียนนี้เป็นแมวพันธุ์พื้นเมืองของอังกฤษอยู่แล้ว หรือบางความเชื่อก็เชื่อว่า อะบิสซิเนียนที่เลี้ยงกันในปัจจุบันนี้สืบสายพันธุ์มาจากสายพันธุ์ที่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบริเวณชายฝั่งของแถบมหาสมุทรอินเดีย เป็นต้น
            อะบิสซิเนียน (อังกฤษ: Abyssinian) เป็นแมวสายพันธุ์หนึ่งที่มีความโดดเด่นสืบเชื้อสายมาจากแมวของชาวอียิปต์ โบราณ มีลักษณะเป็นแมวที่มีสีสันสวยงาม สีขนมีลักษณะเป็นสีสลับกันในเส้นเดียวสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน อะบิสซิเนียนจัดเป็นแมวที่มีขนาดปานกลาง มีลักษณะท่าทางภายนอกที่สง่าผ่าเผย ภายนอกเป็นแมวที่มีความแข็งแรง มีกล้ามเนื้อ มีความกระตือรือร้นอยากรู้อยากเห็นต่อสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว แต่ภายในแฝงไว้ด้วยความนุ่มนวล มีความรักเจ้าของ ฉลาดปราดเปรียว และมีความขี้เล่นประสาแมว อะบิสซิเนียนจึงจัดเป็นสายพันธุ์แมวที่ได้รับความนิยมที่สุดในสายพันธุ์แมว ขนสั้นของสหรัฐเอเมริกา


อะบิสซิเนียนเป็นแมวที่มีสีสันสดใสสวยงาม มีขนที่มีลักษณะเป็นสีสลับกันสองสีภายในเส้นเดียวกัน สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เป็นลักษณะเด่นของแมวสายพันธุ์นี้ มีขนาดรูปร่างขนาดปานกลางไม่ใหญ่มาก และมีลักษณะประจำสายพันธุ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การมีท่าทางที่สง่างาม มีขนาดสัดส่วนของร่างกายที่เหมาะสม ทำให้รูปร่างของลำตัวเกิดความสมดุล



ลักษณะของแมว
  • ศีรษะ - มีลักษณะเป็นรูปลิ่มเป็นสันสูง ไม่มีลักษณะที่เป็นแผ่นเรียบ และสันรูปลิ่มนี้จะต่อยาวลงมาถึงบริเวณต้นคอ ขนทางด้านหน้าบริเวณศีรษะมีลักษณะเป็นรูปตัว M
  • ใบหู - มีลักษณะที่ว่องไวปราดเปรียว คอยระแวดระวังภัย เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา มีลักษณะของหูที่ใหญ่ อีกทั้งยังมีส่วนของใบหูที่กว้างขยายออก และมีรูปร่างของหูเป็นรูปถ้วย ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ในการรับฟังเสียงจากภายนอกได้อย่างชัดเจน
  • ดวงตา - มีรูปร่างที่คล้ายคลึงกับเมล็ดอัลมอนด์ มีขนาดของดวงตาที่ใหญ่ ที่บริเวณขอบตามีสีของเส้นขนที่เข้ม ล้อมอยู่โดยรอบบริเวณดวงตาที่มีลักษณะสีขนที่อ่อนกว่า จึงเป็นการเน้นบริเวณดวงตาให้เห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น สำหรับสีของดวงตานั้นที่พบได้โดยมาก จะเป็นสีเหลืองหรือสีเขียว
  • ลำตัว - มีความยาวปานกลาง สามารถโค้งงอได้อย่างเป็นสัดส่วน ดูสวยงามเป็นสง่า มีการเจริญของกล้ามเนื้อดี สามารถเห็นได้ชัดเจนจากภายนอก และที่สำคัญที่สุด คือ มีความสมดุลของร่างกาย มีกระดูกที่แข็งแรงและสามารถยืนด้วยปลายเท้าได้อย่างมั่นคง
  • หาง - ค่อนข้างที่จะยางเรียว และค่อย ๆ เรียวเล็กลงไปเรื่อย ๆ จากบริเวณโคนหางถึงปลายหาง
  • ขน - มีลักษณะที่นุ่ม เรียบลื่นและเป็นมันเงา
  • ขาและเท้า - มีลักษณะของขาภายนอกที่ยาวเรียวได้สัดส่วน มีส่วนของกระดูกขาเจริญและแข็งแรงดี อุ้งเท้ามีขนาดเล็ก กลมรีเป็นรูปไข่ และอัดตัวกันแน่น
  • นิ้วเท้า - ที่บริเวณขาหน้ามี 5 นิ้ว และบลักษณะนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของอะบิสซิเนียนคือ ความกระตือรือร้นและชอบมีปฏิสัมพันธ์เที่ยวเล่นกับแมวตัวอื่น ๆ นอกจากนั้นยับจัดเป็นแมวที่มีความซื่อสัตย์, รักเจ้าของ, เชื่อฟังคำพูดของเจ้าของ และมีความน่ารักน่าเอ็นดูริเวณขาหลังมี 4 นิ้ว 
           อะบิสซิเนียนเป็นแมวที่มีสีสันสดใสสวยงาม มีขนที่มีลักษณะเป็นสีสลับกันสองสีภายในเส้นเดียวกัน สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เป็นลักษณะเด่นของแมวสายพันธุ์นี้ มีขนาดรูปร่างขนาดปานกลางไม่ใหญ่มาก และมีลักษณะประจำสายพันธุ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การมีท่าทางที่สง่างาม มีขนาดสัดส่วนของร่างกายที่เหมาะสม ทำให้รูปร่างของลำตัวเกิดความสมดุล

        แมวบาลิเนส มีขนยาว เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการกลายพันธุ์ของแมวสยาม การที่ธรรมชาติให้สิ่งนี้กับแมวพันธุ์นี้นั้น ช่วยส่งเสริมความสง่างามของมันมากขึ้น ความยาวของขนนั้นเป็นข้อแตกต่างระหว่าง แมวสยาม และแมวบาร์ลิเนส ถึงแม้ว่าจะมีการพิสูจน์ว่าบางครั้งบางคราวในลูกของแมวสยาม 1 ครอก จะปรากฎลูกแมวที่มีลักษณะขนยาวซักตัว สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของนักเพาะพันธุ์มากมาย ไม่ต้องใช้ความพยายามในการโปรโมทแมวบาลิเนสนี้เลย เพราะความสวยงามน่ารักของมันแก่ผู้พบเห็น
แมวขนกึ่งสั้นกึ่งยาวครั้งแรกที่ อเมริกา แมวบาลิเนสมีลักษณะเหมือนแมวสยามคือแต้มสีที่ จมูก หูทั้งสองข้าง ขาทั้งสี่ และหาง แต่แมวบาลิเนส จะมีขนยาวเรียบ หัวเป็นรูปลิ่มค่อนข้างยาว มองจากด้านหน้า(รวมหูด้วย)จะเป็นรูปสามเหลี่ยม มองจากด้านข้างจมูกกับหน้าผากจะเป็นเส้นตรง หน้าผากไม่นูน หูค่อนข้างใหญ่ ฐานหูกว้าง ตารูปเมล็ด Almond ขนาดปานกลาง รับกับจมูกและหน้า ตาไม่เหล่ไม่เข สีตาเป็นสีน้ำเงินสดใส รูปร่างสูงยาว ขนาดตัวปานกลาง เส้นหลังตรง สะโพกไม่กว้างกว่าไหล่


 ลักษณะ มาตราฐานของแมวพันธุ์นี้ถูกกำหนดโดย Cat Fanciers’ Association โดยมีลักษณะดังนี้ หุ่นเพรียวยาว รวมไปถึง หัว ขา และหาง ขนยาวเรียวแหลมอ่อนนิ่ม และมีกล้ามเนื้อแข็งแรงซึ่งมีลักษณะคล้ายบรรพบุรุษของมันคือ แมวสยามนั้นเอง แต่มันก็ก้าวไปอีกขั้นหนึ่งในเรื่องของความยาวของส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และลักษณะที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งก็คือ มีขนหางที่ยาวปุยคล้ายขนนก
 ข้อบกพร่องของแมวพันธุ์นี้ก็คือ ขาหลังอ่อนแอ มีการหายใจทางปากเนื่องจากสิ่งกีดขวางในช่องจมูก และบางตัวมีลักษณะที่ฟันบนและฟันล่างไม่สบกัน มีผลทำให้มีลักษณะคางยาวหรือคางสั้นกว่าปกติ ความหงิกงอของหาง นิ้วเกิน และ มีขนมากกว่าหนึ่งชั้น
รูปร่างของแมว Balinese ตัว ผู้อาจจะใหญ่และหนากว่าตัวเมียในบางส่วน อุ้งเท้าเป็นรูปไข่ หางยาว ขนหางยาวชี้ออกเหมือนขนนก ขนลำตัวยาวปานกลาง ละเอียด นุ่ม ไม่มีขนชั้นใน ขนยาวเรียบติดตัว ขนลำตัวอาจจะสั้นกว่าที่หางก็ได้ สีของแต้มมีอยู่ 4 สี คือ Seal point Chocolate point Blue point Lilac point

ลักษณะสีขน แมวบาลิเนส 

         SEAL POINT: สี ของลำตัวจะเป็นสีน้ำตาลอ่อนอมเหลือง ตรงบริเวณท้องและอกจะมีสีที่อ่อนกว่าส่วนของลำตัว สีของจุดจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม เช่นเดียวกับสีของจมูกและอุ้งเท้า สีของตาเป็นสีฟ้าเข้ม

         CHOCOLATE POINT: สีของลำตัวเป็นสีงาช้าง สีของจุดเป็นสีน้ำตาลอ่อนเหมือนสีของchocolateนม สีของจมูกและอุ้งเท้าเป็นสีชมพู่ซินนามอน ตาสีฟ้าเข้ม

         BLUE POINT: สีของลำตัวสีขาวออกฟ้าอมเทา สีจะค่อย ๆ จางลงตรงบริเวณท้องและอก สีของจุดมีสีฟ้าเข้ม สีของจมูกและอุ้งเท้ามีสีเทาอมน้ำเงิน ตาสีฟ้าเข้ม

         LILAC POINT: สีของลำตัวเป็นสีขาวปลอด สีจุดจะมีสีเทาหรือชมพู สีของจมูกและอุ้งเท้าจะเป็นสีชมพูม่วง ตาสีฟ้าเข้ม


แหล่งข้อมูล   www.kappok.com



ข้อมูลทั่วไป : พันธุ์อเมริกัน บ็อบเทลล์มีขนาดตั้งแต่ขนาดกลางถึงใหญ่ สามารถสังเกตความเป็นนักกีฬาของมันได้จากลักษณะของกล้ามเนื้อและพละกำลัง ร่างกายมีความยาวปานกลางเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแข็งแรงและมีไหล่ยื่นออกมา หางสั้นและสามารถเห็นได้เหนือหลังเวลามันตกใจโดยจะไม่ยาวไปถึงหัวเข่า พันธุ์นี้มีหัวที่แข็งแรง กว้างปานกลางเป็นรูปลิ่มโดยมีคิ้วที่เด่นเฉพาะตัวอยู่เหนือดวงตาโตคล้ายรูปอัลมอนด์ การแสดงออกทางสีหน้าท่าทางเป็นสิ่งที่แสดงถึงความฉลาดและความตื่นตัว โดยปกติตัวเมียจะมีสัดส่วนทีเล็กกว่าตัวผู้ ชนิดและลักษณะท่าทางจะมีความสำคัญมากกว่าขนาดตัว
อเมริกัน บ็อบเทลล์ มีลักษณะภายนอกคล้ายคลึงกับสัตว์ป่าแต่มีอุปนิสัยใจคอและลักษณะนิสัยที่แตกต่างออกไป 


หัว :  กว้างเป็นรูปลิ่มโดยไม่มีส่วนแบนหรือส่วนที่เป็นโดม ได้สัดส่วนกับลำตัว ส่วนของปากและจมูกยื่นออกมาอย่างพอเหมาะ โหนกแก้มเห็นได้ชัด มีหนวดวางอยู่บนแก้มที่อูม ส่วนโค้งระหว่างจมูกกับคิ้วบางและมีความยาวระหว่างคิ้วกับหูพอเหมาะ คิ้วสามารถเห็นได้ชัดบริเวณหน้าผากเป็นแนวเหนือตา ขอบของคิ้วจะอูมขึ้นรอบตา จมูกกว้าง ผิวหนังรอบจมูกจะใหญ่ คางแข็งแรงและกว้างได้แนวกับจมูกความกว้างของหัวและเหนียงที่คอจะเห็นได้ใจตัวผู้ที่โตเต็มที่แล้ว
หู :มีขนาดปานกลาง ฐานกว้างมีขอบรอบๆหูบางอยู่ด้านบนสุดและด้านข้างสุดของหัว ขอบของหูยิ่งสูงยิ่งดี มีรอยสีเป็นรูปนิ้วอยู่ด้านหลังของหูหรือมีลายหรือลักษณะคล้ายแมวป่าเป็นลักษณะที่ดี



ตา : ตามีขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ายเม็ดอัลมอนด์ วางตัวอยู่ลึก มุมด้านนอกบางขึ้นไปถึงหู ตาสองข้างห่างจากกันพอเหมาะ คิ้วที่อยู่เหนือตาแสดงให้เห็นถึงความเป็นนักล่าโดยธรรมชาติ
รูปร่าง:
ค่อนข้างยาว และแข็งแรงเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า อกเต็มและกว้าง สะโพกบางใหญ่มีแผ่นไหล่ยื่นออกมาจากลำตัว สะโพกแข็งแรงและเกือบกว้างเท่าอก สีข้างหนา มีกล้ามเนื้อ มีลักษณะแบบนักกีฬา มีการเจริญเติบโตเต็มที่ช้า
ขาและเท้า :
ได้ขนาดกับร่างกาย มีความยาวพอเหมาะและมีกระดูกที่แข็งแรง อุ้งเท้าใหญ่และกลม มีปอยขนยาวที่นิ้วเท้า ขาหน้ามี 5นิ้ว ขาหลังมี 4นิ้ว
คอ :
มีความยาวปานกลางแต่อาจจะสั้นขึ้นกับลักษณะของกล้ามเนื้อ
หาง :
หางสั้น อาจตรง,เป็นส่วนโค้งเล็กน้อยหรือบิดงอเล็กน้อยหรือมีรอยขรุขระไปตามความยาวของหาง หางอยู่ในแนวเดียวกับสะโพก มีฐานกว้าง แข็งแรงและทนต่อสัมผัส ไม่แข็งแต่ต้องยืดหยุ่นและไม่บิดจนไปทำลายธรรมชาติการเคลื่อนไหวของหาง หางที่ตรงจะได้รับการยอมรับกว่าหางที่งอ หางที่ตรงควรจะมีส่วนท้ายที่อูม
ความยาวของหาง :
จะต้องยาวพอที่จะเห็นได้ชัดเหนือส่วนหลังเวลาแมวตกใจ แต่จะต้องไม่เลยไปถึงหัวเข่า
พัฒนาการ : มีการพัฒนาร่างกายให้โตเต็มวัยช้า โดยร่างกายของแมวพันธุ์นี้จะค่อยๆเติบโตจนเต็มที่ตอนอายุได้ 3 ปี
ข้อบกพร่อง : หางที่ยาวเกินไปหรือสั้นเกินไปมีผลต่อการทรงตัวและลักษณะภายนอกของแมว หางที่บิดงอหรือขมวดเป็นปม หางที่แข็งไม่ยืดหยุ่นหรือวางตัวอยู่ต่ำ หางตรงแต่ส่วนท้ายไม่อูม ตากลม คางอ่อนส่วนปากและจมูกยื่นออกมาน้อยเกินไป
ลักษณะที่ไม่ได้คุณภาพ : หางไม่ได้ขนาด ตาผิดรูป กระดูกเปราะ มีจำนวนนิ้วเท้าไม่ถูกต้อง
สีและรูปแบบ : ทุกสีและทุกรูปแบบยอมรับได้ ไม่ค่อยยอมรับลักษณะที่มีลาย ลักษณะที่คล้ายแมวป่าเป็นที่ต้องการ
สีตา : ทุกสีที่เป็นไปได้แต่ต้องไม่มีลักษณะที่แปลก ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างตากับสีขน

                                  แมวเทอร์คิชแองโกร่า



        เทอร์คิชแองโกร่า (Turkish Angora) เป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศตุรกี ที่ได้รับชื่อ Angora ต่อท้าย เนื่องจากเป็นแมวตุรกีขนยาวจากเมืองแองโกรา เป็นแมวพันธุ์เก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัย ค.ศ.1600 แมวแองโกร่าเป็นแมวที่มีมีความคล่องแคล่ว เฉลียวฉลาด และมีความผูกพันกับมนุษย์ จึงมักถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวมนุษย์


       Turkish Angora เป็นแมวที่มีความพิเศษมาก เป็นแมวที่ฉลาดมากสายพันธุ์หนึ่ง และรักเจ้าของมาก 
ลักษณะ    แมวลำตัวยาว หางเล็ก คอสั้น หูตั้ง ลูกนัยน์ตากลมรี ขายาว อุ้งเท้าเล็กค่อนข้างกลมมน สะโพกใหญ่ เมื่อเคลื่อนไหวหางจะกระเพื่อม ขนหน้าท้องดก ที่นิ้วเท้าและปลายหูมีขนเป็นกระจุก ขนสีขาว นัยน์ตาสีน้ำเงินหรืออำพัน อุ้งฝ่าเท้า ริมฝีปาก และสันจมูกเป็นสีชม






แมวชาร์ตรู ( Chartreux ) เป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศฝรั่งเศษ มีประวัติยาวนานหลายร้อยปี ตั้งแต่สมัยศตวรรษ ที่16 เชื่อกันว่ามันสืบเชื้อสายมาจากแมวซีเรีย และพวกมัคงถูกนำเข้าไปในยุโรป เมื่อตอนระหว่างสงครามครูเสด ชื่อที่เรียกว่า Chartreux นั้น ถูกใช้เรียกแมวชนิดนี้ครั้งแรกเมื่อประมาณ ศตวรรษที่ 17 ซึ่งตอนนั้นพวกมันก็ถูกจัดให้เป็นแมวฝรั่งเศษแล้ว แต่ยังคงมีจำนวนไม่มากนัก จนกระทั่งเมื่อสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 นักผสมพันธุแมวชาวฝรั่งเศษ จึงเริ่มอนุรักษ์ แมวสายพันธุ์นี้ และขยายพันธุ์อย่างจริงจัง จนเป็นที่นิยมเลี้ยงกันทั่วไปทั้งในฝรั่งเศษ และทั่วโลก จนถึงทุกวันนี้

แมวชนิดนี้มีเพียงสีเดียวเท่านั้น คือ สีเทา ปลายเส้นขนมีความเงางามเหมือนสีเงิน







 

สักษณะโดยทั่วไป
    เป็นแมว ที่มีลำตัวขนาดกลาง ถึงขนาดใหญ่ สั่วหัวค่อนข้างกว้าง ดวงตากลมโต สีเหลืองทอง หรือสีส้ม ใบหูมีขนาดกลาง ตั้งตรงสูง แก้มตอบ ไหล่กว้าง แลดูกำยำ ขาค่อนข้างสั้น ขนสั้น และดกหนา










วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สายพันธุ์ศุภลักษณ์

 แมวพันธุ์ศุภลักษณ์



แมวศุภลักษณ์.. ใน สายตาฝรั่งแล้วเข้าใจว่าแมวทองแดงเป็นแมวพม่า เนื่องจากปี พ.ศ. 2473 ดร.โจเซฟ ซี ทอมสัน ชาวอเมริกัน ได้นำแมวตัวเมียสีน้ำตาลจากประเทศพม่ากลับไปที่ซานฟรานซิสโก แล้วนำไปจดทะเบียน ที่ประเทศอังกฤษ ตั้งชื่อว่า Burmese Cat หรือแมวพม่า นั่นเอง และเป็นแมวพันธุ์หนึ่งที่มีคนเลี้ยงกันมากที่สุดในโลก แต่ในสายตาคนไทย ถือว่าแมวทองแดงเป็นแมวไทย เนื่องจากโครงสร้าง และลักษณะนิสัย เป็นแบบฉบับแมวไทย

          ทั้งนี้ มีเรื่องเล่ากันว่าเมื่อครั้งที่กรุงศรีอยุธยาแตกนั้น พม่าได้กวาดต้อนคนไทยจำนวนหนึ่งไปเป็นเชลยศึกที่พม่าและมีแมวทองแดงตามเจ้า ของเข้าสู่เขตแดนพม่าด้วย เนื่องจากเป็นแมวชั้นสูงเช่นเดียวกับแมวไทยพันธุ์อื่นๆ พวกขุนนางพม่า จึงนิยมเลี้ยงกัน พอพวกฝรั่งไปพบเข้าจึงเรียกเป็นแมวพม่าไป
ลักษณะของแมวศุภลักษณ์
           แมวทองแดงมีรูปร่างขนาดกลาง สง่า น้ำหนักตัวพอประมาณ ขายาวเรียว ฝ่าเท้าอวบ ศีรษะค่อนข้างกลมกว้าง สีขนออกสีน้ำตาลเข้ม คล้ายสีสนิม (สีทองแดง) แต่จะมีสีเข้มมาก ขึ้นบริเวณส่วนหูและในหน้า นัยน์ตาสีเหลืองอำพัน เป็นแมวที่มี ความกระตือรือร้นอยู่เสมอ อยากรู้อยากเห็น ชอบผจญภัย รักอิสระเสรีเหนืออื่นใด ชอบสนใจสิ่งต่างๆ รอบตัว กับคนแปลกหน้าแล้วมันดูจะเป็นแมวที่ร้ายพอสมควร ปัจจุบันเมืองไทย หายากมาก แต่มีทั่วไปในอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งเขาได้พัฒนาผสมพันธุ์กัน จนได้แมวในลักษณะ และสีอื่นๆ มากมาย ทำนองคล้ายพันธุ์วิเชียรมาศที่แยกออกไปถึง 8 พันธุ์
 
ลักษณะสีขน
          ขนสั้น สีน้ำตาลเข้มคล้ายสีสนิม (สีทองแดง) บริเวณส่วนหู ใบหน้า ปลายขา หาง จะมีสีน้ำตาลเข้มกว่าบริเวณลำตัวทั่วๆ ไป

 ลักษณะของส่วนหัว
          ค่อนข้างกลมและกว้าง หนวดมีสีเหมือนลวดทองแดง หูใหญ่

ลักษณะของนัยน์ตา
          แมวชนิดนี้จะมีดวงตาออกเป็นลักษณะเหลืองๆ หรือออกสีอำพัน หนวดของแมวศุภลักษณ์จะมีสีแวววาวเหมือนกับลวดทองแดงเลยทีเดียว

 ลักษณะของหาง
          หางยาว ปลายหางแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขาวยาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

 ลักษณะที่เป็นข้อด้อยของพันธุ์ 

          ขนยาวเกินไป สีอ่อนเกินไป มีแต้มสีขาวปน เช่น ที่บริเวณหน้าอก หรือช่องท้อง มีไม่สม่ำเสมอ เช่น มีลายเห็นเป็นทางตามลำตัว โดยเฉพาะตามใบหน้า ขาและหาง นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี

 แหล่งข้อมูล  www.kapook.com

แมวพันธุ์แร๊กดอลล์

                                                         
 
สายพันธุ์แร็กดอลล์

           แมวพันธุ์แร็กดอลล์ เป็นแมวขนาดใหญ่ มีขนยาวสวยงาม ดวงตาใหญ่ มีสีฟ้า สีของขนเป็นสีอ่อน หรืออาจมีแต้มสีบนใบหน้า ขา หู และหาง แมว แร๊กดอลล์ ถูกพัฒนาโดย Ann Baker นักผสมพันธุ์ชาว แคลิฟอร์เนีย ในปี ค.ศ.1960 โดย แมวแร็กดอลล์ ตัวแรกมีชื่อว่า Josephine เป็นแมวที่น่ารัก สุภาพ และมีแต้มสีแบบแมววิเชียรมาศ  สำหรับ Josephine แมวแร็กดอลล์ตัวแรก เป็น ลูกผสมระหว่าง แมวเปอร์เซีย (Persian Cats) และแมวพันธุ์แองโกร่า (Angora Cats) ซึ่งต่อมาได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ แมวแร็กดอลล์ เรื่อยมา จนกลายเป็น แมวแร็กดอลล์อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบันนั่นเองค่ะ
ในเรื่องของจุด เด่นของน้องแร็กดอลล์ พวกเขาจะเป็นแมวที่มีโครงร่างขนาด ใหญ่ ร่างกายแข็งแรง ขนหนานุ่ม  มีขนอยู่ 4 แบบ คือ bi-color, van, mitted และ pointed โดยมีสีอยู่ 8 สี คือ seal, blue, chocolate, lilac, red, cream, fawn และ cinnamon และอาจมีแต้มสีแบบแมววิเชียรมาศได้ด้วย ขนบริเวณเอวหนาแน่นเป็นปุยฟู

  • ลักษณะ    เป็นแมวที่มีโครงร่างขนาดใหญ่ ร่างกายแข็งแรง มีตาสีฟ้าสวยงาม มองแล้วเคลิ้มเชียว ขนจะหนาแน่นเป็นปุยมากในบริเวณเอว ที่หางมีขนยาวชัน  ถ้าสังเกตุที่บริเวณอุ้งเท้าไปจนถึงช่วงขาของมันจะเป็นสีขาวจนดูเหมือนกับ สวมถุงเท้าตลอดเวลา 
ลักษณะนิสัย แมว Ragdoll

          แมว Ragdoll เป็นแมวที่มีนิสัยขี้อ้อนและติดคนมาก มันมักจะมาต้อนรับคุณถึงที่หน้าประตูบ้านเมื่อคุณกลับมาถึง และติดตามคุณไปทุกแห่ง แมว Ragdoll เป็นแมวเรียบร้อย สุภาพ จงรักภักดี และชอบความเงียบมาก มันสามารถนอนร่วมกับคนได้ อีกทั้ง แมว Ragdoll  เป็นแมวที่เข้ากับเด็ก ๆ ได้ดีและยังเข้ากับสัตว์อื่น เช่น สุนัขได้ดีอีกด้วย        
  • อุปนิสัย     เป็นแมวผู้ดีชอบความเงียบสงบ มีเสียงร้องที่เบามาก และเวลาอุ้มจะมีนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์ของมันเลยก็คือจะเมื่อเวลาที่คนอุ้ม มันจะทิ้งตัวโตงเตงราวกับตุ๊กตาเศษผ้าราวกับไม้
  •  จุดเด่นอีกเรื่องของ แมว Rag doll เนื่องจากมันเป็นแมวที่มีเสียงร้องนุ่มนวลและเบามาก และแมว Ragdoll ยังมีนิสัยประหลาดคือ เมื่อเวลาที่คนอุ้ม มันจะทิ้งตัวโตงเตงราวกับตุ๊กตาเศษผ้าราวกับไม่มีชีวิต ดูคล้ายอาการเมายามีชีวิต ดูคล้ายอาการเมายา ขนาดนั้นเชียวดูกันเอาเองละกัน

วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สายพันธุ์อเมริกัน เคิร์ล



                                                         พันธุ์อเมริกัน เคิร์ล




      แมวพันธุ์ อเมริกัน เคิร์ล American Curl ถือเป็นแมวที่มีชื่อเสียงมากอีกพันธุ์หนึ่ง ด้วยลักษณะเด่นของ American Curl คือ มีหูม้วนหลุบไปข้างหลัง เป็นลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนแมวพันธุ์อื่น อเมริกัน เคิร์ล เป็นแมวที่ร่าเริงไม่ดุ มีนิสัยเป็นมิตรกับผู้คน ซื่อสัตย์ เข้ากันได้ดีกับเด็ก ๆ และสัตว์อื่นในบ้าน ว่ากันว่า อเมริกัน เคิร์ล มีลัประวัติ แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl

          แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl ถูกค้นพบในชุมชน California ของ Lakewood โดย Joe และ Grace Ruga ในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ.1981 Joe กลับจากทำงานตอนเย็นนั้นและพบลูกแมว 2 ตัวอายุ 6 เดือน ภายนอกบ้านของเขา จึงรับมาเลี้ยงดู พวกเขาตั้งข้อสังเกตว่าพวกมันมีหูที่เป็นวงนั้นจากหลังถึงหัว ดูแล้วเป็นที่น่าขัน ลูกแมวตัวที่เป็นพี่ มีสีดำกับขนยาวและอีกตัวหนึ่ง มีขนสีดำ และสีขาวและขนกึ่งยาว ทั้งสองมีขนนุ่มเป็นมันเรียบคล้ายไหม ลูกแมวทั้งสองถูกตั้งชื่อว่า Shulamith และ Panda

          ต่อมาในเดือนธันวาคม ค.ศ.1981 หลังการตกลูกครอกแรกของ Shulamith พวกเขาจึงได้มองเห็นถึงการมีใบหูที่มีลักษณะที่พิเศษไม่เหมือนใครของมัน แสดงถึงการค้นพบพันธุ์ใหม่ของแมว พวกเขาเริ่มต้นการวิจัยและการทดสอบเพาะพันธุ์โดยทันที ซึ่งนำมาสู่การยอมรับและได้รับการจดทะเบียนเป็น อเมริกัน เคิร์ล American Curl แมวพันธุ์ใหม่ของโลกในปี ค.ศ.1986 ซึ่งแมวพันธุ์นี้ถือว่าเป็นแมวที่สามารถแบ่งพันธุ์ได้ทั้งสองชนิดคือมีทั้ง แบบ Shorthair และ Longhairกษณะคล้ายสุนัขอีกด้วย
 

 ลักษณะทั่วไปของ แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl

  แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl ตัวผู้จะมีลักษณะสวยงามและสง่างามกว่า แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl ตัวเมีย โดยเพศเมียมีน้ำหนักประมาณ 5-8 ปอนด์ เพศผู้หนักประมาณ 7-10 ปอนด์ โตเต็มที่เมื่ออายุ 2 ปีครึ่งถึง 3 ปี เมื่อแรกเกิด ลูกแมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl หูจะยังไม่พลิก แต่เมื่อผ่านไปราว 2 สัปดาห์ หูก็จะเริ่มพลิกม้วนไปด้านหลังมากขึ้น จนเมื่ออายุได้ 16 สัปดาห์ หูจะเริ่มพลิกไปด้านหลังอย่างถาวร โดยหูจะม้วนไปข้างหลังอย่างน้อย 90 องศา แต่ไม่ถึง 180 องศา

          ลักษณะเด่นของแมวพันธุ์นี้ นอกจากจะมีหูพลิกแล้ว ยังมีร่างกายขนาดกลางที่สมส่วน ขนเป็นมันหนาแน่น ดวงตาเป็นรูปวอลนัท โดยขนจะไม่ยาวมาก เป็นแบบกึ่งสั้นกึ่งยาว ขนจะเรียบไม่ฟู แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl มีหลากหลายสีและรูปแบบ เนื่องจากขนที่หนาแน่นนี้เอง ทำให้ แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curlต้องการการดูแลขนมากเป็นพิเศษ
 ศีรษะ

          รูปร่าง: เป็นรูปลิ่มไม่แบนราบ อย่างพอประมาณยาวกว่ากว้าง ระนาบราบรื่น

          โครงร่าง: จมูกมี ความยาวและตรงพอประมาณ และนูนล็กน้อยขี้นจากด้านล่างของตาถึงหน้าผาก เส้นโค้งที่ได้รูปไปถึงด้านบนสุดของหัว ไปจนถึงใต้ลำคอ

          ขนาด: ปานกลางในสัดส่วนเมื่อเทียบกับร่างกาย

          คาง: แน่น แข็ง,แนวเดียวกับจมูใบหู

          องศา: น้อยที่สุด 90 ส่วนโค้งองศาเป็นวง ไม่เกิน 180 องศา แน่นด้วย cartilage จากพื้นฐานหูถึงอย่างน้อย 1/3 ของความสูง 

          รูปร่าง: กว้างที่ฐานและเปิด, เส้นโค้งหลังในส่วนโค้งราบเรียบเมื่อดูจากด้านหน้าและด้านหลัง

          ขนาด: ใหญ่อย่างพอประมาณ

          ที่ตั้ง: ตั้งตรงอยู่บริเวณส่วนบนแต่ละด้านของหัวอย่างเท่าๆกัน

          หมายเหตุ: เมื่อหูมีการตื่นตัวเกิดขึ้น หูจะเหยียดชี้ตรงไปด้านหน้า, เส้นตามความโค้งของหูจะชี้ไปยังศูนย์กลางฐานของกระโหลกศีรษะ(เส้นโค้งที่ลาก ผ่านตามความโค้งของหูผ่านปลายสุดของหูเลย 90 และสูงถึง180 องศา อาจจะ intersect ที่จุดไกลกว่าขึ้นบนกระโหลกศีรษะ แต่ไม่เลยจุดสูงสุดของกระโหลกศีรษะ)
กและริมฝีปากล่าง

 ร่างกาย

          ดวงตา : ใหญ่ กลมรีเหมือนเมล็ดอัลมอนด์ สี Hazel เขียว หรือเหลือง เท่านั้น มีเส้นสีดำ

          รูปร่างลำตัว : กึ่งต่างประเทศ เป็นสี่เหลียมผืนผ้า, ความยาว 1 และ 1 ใน 2 ความสูงที่บ่า, ความลึกกลางของหน้าอกและสีข้าง

          ขนาด : ปานกลาง, แต่ตัวผู้มักขนาดใหญ่กว่า

          ลักษณะกล้ามเนื้อ : ความแข็งแรงพอประมาณและน้ำเสียงมีการ เปลี่ยนแปลง

          หาง : งอได้, กว้างที่ฐาน,เรียวเท่าตลอดความยาวร่างกาย

          ขา : ความยาวปานกลางในสัดส่วนเพื่อร่างกายตั้งโดยตรงเมื่อดูจากด้านหน้าหรือด้านหลัง ขนาดกระดูกปานกลางไม่ใหญ่และหนัก

          คอ : ปานกลาง

          เท้า : ปานกลาง

 ลักษณะนิสัย แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl

              แมวพันธุ์นี้จะไม่ค่อยเปล่งเสียงร้องบ่อยนัก จะมีเพียงแต่เสียงเล็ก ๆ ครางในลำคอเท่านั้น


แหล่งข้อมูล  www.petinthai.com
                                                        แมวเปอร์เซีย

แมวเปอร์เซีย(Persian Cats) ราชินีแมวเจ้าเสน่ห์นี้เป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดที่แถบเปอร์เซียในสมัยก่อน ซึ่งปัจจุบันก็คือประเทศตุรกีและอิหร่านในปัจจุบันนั่นเอง โดยหลักฐานที่ระบุได้ว่าแมวเปอร์เซียถือกำเนิดที่นั่นก็คือบันทึกลายลักษณ์ อักษรเกี่ยวกับที่มาของแมวเปอร์เซีย หรือแมวเปอร์เซียน ซึ่งในลายลักษณ์อักษรนั้นพูดถึง พ่อค้าทะเลทราย แถวๆแถบตะวันตกของตุรกีและอิหร่าน  พูดถึงการขนของมาค้า เช่น การขนเครื่องเทศมาขาย ขนอัญมณีมาค้า  ละ ในลายลักษณ์อักษรกล่าวว่าบางครั้งก็มีแมวขนยาวๆติดมาด้วย แมวขนยาวนั้นถูกซื้อโดยกะลาสี และหลังจากนั้นก็พาแมวติดไปกับเรือบรรทุกสินค้ามุ่งหน้าเข้าสู่ทวีปยุโรปและ เวลาผ่านไปหลายปีต่อมาแมวพันธ์นั้นก็ได้เป็นที่รู้จักกันในชื่อสายพันธุ์ว่า เตอร์กิส แองโกร่า (Turkish Angora)
 เมื่อราวๆปลายศตวรรษที่  19 แมวพันธุ์เตอร์กิส แองโกร่า (Turkish Angora) ได้ถูกชาวอังกฤษกลุ่มผู้ชื่นชอบนำแมวมาผสมพันธุ์และพัฒนาสายพันธุ์กลายเป็น แมวที่มีขนฟู ยาว และพองกว่าเดิม และจนได้รับการยอมรับและได้จดทะเบียนขึ้นเป็นแมวของประเทศอังกฤษโดยใช้ชื่อ ว่า Longhair เนื่องจากเป็นแมวขนยาวและเป็นชื่อภาษาอังฤษที่แปลว่าขนยาว ไม่ใช่แค่อังกฤษประเทศเดียวที่เลี้ยงแมวสายพันธ์นี้ หลายปีต่อมาพบว่า แมวสายพันธุ์นี้ได้ถูกนำไปเลี้ยงที่แถวทางยุโรปและอเมริกาด้วย ซึ่งคนอเมริกานั้นจะเรียกแมวสายพันธุ์นี้ว่า แมว Persian

 
ลักษณะสายพันธุ์ของแมวเปอร์เซีย
                แมว เปอร์เซีย มีรูปร่างขนาดกลางถึงใหญ่ ดูแข็งแรง เป็นแมวที่มีกระดูกใหญ่ ส่วนของหัวและหน้าของน้องแมวเปอร์เซียนั้นจะกลมๆ หน้าผากโหนกๆ ดวงตาของน้องแมวเปอร์เซียจะกลมโต ระยะห่างระหว่างตาจะมีร่องของจมูกเป็นจุดหัก เวลามองจากทางด้านข้างจะเป็นจุดหักอย่างเห็นได้ชัด ถ้ามองจากทางด้านหน้าจะมีขีดๆ อยู่ระหว่างดวงตา
    ลักษณะ ที่ตรงตามมาตรฐานของแมวเปอร์เซีย โครงสร้างตามลำตัวสั้น ขาสั้นเตี้ย มีจมูกอยู่ในระดับเดียวกับตา ในส่วนของหูจะมีขนาดเล็กส่วนปลายของหูกลมมน หางสั้นไม่หัก ไม่งอ ขนฟูยาว เป็นแมวที่เดินสง่างาม แมวเปอร์เซียในสมัยก่อนนั้นต่างกับในสมัยนี้อย่างมาก โดยเฉพาะรูปร่างที่ดูสั้นขึ้น เปอร์เซียสมัยก่อนจะมีรูปร่างใหญ่ ขนยาวขึ้น ฟูมากขึ้น หน้าตาถูกพัฒนาสายพันธุ์ให้มีลักษณะต่างกัน เช่น หน้าตุ๊กตา หน้าบี้  ซึ่งลักษณะของแมวเปอร์เซียหน้าบี้นั้นจะมีลักษณธจมูกสั้นมากและหักมากขึ้น
              
                แมวเปอร์เซียถูกแบ่งออกเป็น 7 ลักษณะ โดยแบ่งตามสีและลักษณธทั่วไปเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง
          -Solid colour ขนทั้งตัวจะเป็นสีเรียบสีเสียว ไม่มีสีอื่นมาปะปน สีเท่าๆกัน ไม่มีด่างนั่นเอง อย่างเช่น White แมวเปอร์เซียที่มีขนขาวบริสุทธ์ทั้งตัว,Black ขนสีดำทั้งตัว ดำสนิท,Blue ขนจะมีสีเทาเข้ม,Cream ขนสีครีมเข้ม,Red ขนสีออกแดงเข้มๆ เสมอกัน,lilac สีลาเวนเดอร์,chocolate ขนสีน้ำตาลช๊อกโกแลต
           -Tabby จะมีลวดลายที่เห็นกันบ่อยๆก็จะเป็น 2 แบบ คือแบบClassic และแบบ Mackerel
           -Sliver & Golden  ตาจะเป็นสีเขียวหรือสีเขียวอมน้ำเงินเท่านั้น หรือที่เราเรียกกันว่าแมวชินชิล่านั่นเอง
           -Calico & Bi-Color ขนจะมีสีทั่วๆไป ส่วนตาจะเป็นสีทองแดง บางตัวมีลักษณธตา 2 สี ข้างหนึ่งสีฟ้า อีกข้างหนึ่งเป็นสีทองแดง ความเข้มของสีตาทั้งสองข้างจะเท่าๆกัน
           -Shade&Smoke จะมีลักษณะสีขนแตกต่างกันออกไป 3 แบบ คือแบบ Shell ที่ปลายๆขนจะมีสีเล็กน้อยแบบ shade จะมีส่วนที่เป็นสีมากกว่า ส่วนแบบ smoke สีจะมากกว่าแบบ  Shade
            -Himalayan แมวเปอร์เซียแต่ก่นจะไม่มีสีนี้ สีนี้ได้มาจากการผสมของแมวเปอร์เซียกับแมวพันธ์ไทยวิเชียรมาศมีลักษณะเป็นสี แต้มตามจุดต่างๆตามตำแหน่งเดียวกับวิเชียรมาศ เช่น มีสีเข้มตรงหูสองข้างที่ทำให้หน้าเหมือนครอบหน้ากากไว้เข้มที่บริเวณขาทั้ง 4 ขา เข้มที่หางเป็นต้น ส่วนดวงตานั้นจะมีสีฟ้าสดใส
          -Parti-colour เกิดขึ้นได้ในเฉพาะแมวเปอร์เซียเพศเมียเท่านั้น อันสืบเนื่องมาจากการสืบทอดทางโครโมโซม 

นิสัยของแมวเปอร์เซีย
ในแมวเปอร์เซียเพศผู้  ใน ช่วงที่น้องเปอร์เซียเพศผู้ยังเด็กๆอยู่นั้นจะมีนิสัยซุกซน ขี้เล่น ชอบการปีนป่าย ชอบหาสิ่งของมากัดเล่น แต่พอโตขึ้นเป็นวัยรุ่นนิสัยจะเปลี่ยนไป คือจะเริ่มมีโลกส่วนตัวสูง รักการอยู่คนเดียว หากถึงช่วงเวลาผสมพันธุ์แล้วอาจจะมีการหนีออกบ้านไปหาน้องแมวตัวเมียเพื่อ ผสมพันธ์หากเรากักขังไว้น้องจะมีอาการหงุดหงิด ร้องเสียงดัง อาจจะฉี่เพื่อให้เพศเมียได้กลิ่นและเป็นการสร้างอาณาจักรด้วย ทางออกที่ดีก็คือ ถ้าไม่ทำหมันก็จะต้องหาน้องแมวเพศเมียมาให้น้องทับ อาการนี้เรียกว่า ฮีท
ใน แมวเปอร์เซียเพศเมีย โดยทั่วไปจะว่านอนสอนง่ายกว่าแมวเพศผู้ จะมีนิสัยเรียบร้อย ขี้อ้อน ขี้ประจบ จะชอบคลอเคลียเจ้าของ ในบางตัวจะมีโลก่วนตัวสูงตั้งแต่เด็กจนโต หรือขี้เล่นมากจนทำให้เจ้าของเหนื่อย เมื่อโตเป็นสาวถึงเวลาผสมพันธ์น้องแมเปอร์เซียเพศเมียจะร้องเหมือนตัวผู้แต่ อาจจะไม่ดุร้ายเท่าตัวผู้ บางครั้งก็จะฉี่หรือถ่ายไว้ให้ตัวผู้ได้กลิ่นเป็นการเชื้อเชิญตัวผู้ บางทีก็จะนอนหงายดิ้นไปดิ้นมา เจ้าของอาจแก้ปัญหาได้โดยทำหมัน หรืออาจหาตัวผู้มาผสมพันธุ์แล้วแต่เจ้าของจะพอใจ โดยทั่วไปแมวจะเป็นฮีทในช่วงอายุ 6 เดือนขึ้นไป แต่ช่วงอายุที่เหมาะกับการตั้งท้องคือ 1 ปีขึ้นไป และตั้งท้องประมาณ 9 สัปดาห์

แหล่งข้อมูล  www.petinthai.com

วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557

แมวพันธุ์เมนคูน

             
          
 เมนคูนเป็นแมวที่มีขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง  ไม่ตัวใหญ่เพียงอย่างเดียวแต่ยังมีขนที่ยาวอีกด้วย  และเป็นแมวที่มีสายพันธุ์จากแมวป่าที่มีความเก่าแก่มากและมีตำนานเล่าขานกันมากมายเช่นกันมีการบันทึกในวรรณกรรมของแมว  โดยปกตินั้นเมนคูนเป็นแมวพื้นบ้านของชนพื้นเมืองในรัฐเมน  สามารถที่จะอยู่ในพื้นที่มีหิมะได้ดี เป็นแมวที่มีขนาดใหญ่มีความน่ารัก
                            
ประวัติความเป็นมาแมวเมนคูน
                สำหรับความเป็นและต้นกำเนิดนั้นไม่แน่ชัดว่าเป็นมาอย่างไรตั้งแต่แรกเริ่มเพียงแต่มีการเล่าต่อๆกันมาและเป็นเพียงแค่การสันิฐานจากข้อมูลต่างๆเท่านั้น  มีในบางข้อมูลว่า  สมเด็จพระราชินีของฝรั่งเศสในปี 1793  ก่อนนั้นกำลังที่จะหนีเรื่องอะไรบางอย่างแล้วได้นำสิ่งของมีค่าต่างๆ  นำไปด้วย  รวมทั้งสัตว์เลี้ยงของพระองค์  พอมาถึงชายฝั่นสัตว์เลี้ยงที่ได้นำมาได้เกิดผสมพันธุ์กลายเป็นเมนคูน
                ยังมีอีกว่ามีการเดินเรือของกัปตันชาร์ลลส์คูนชาวอังกฤษเก็บแมวที่มีขนยาว  แล้วมีการจอดเทียบท่าเรือในนิวอิงแลนด์พอร์ต  จากนั้นแมวตัวนั้นได้ทำการผสมพันธุ์กับแมวป่าที่นั้น  ก็เลยออกลูกมาเป็นตัวเมนคูน
                และมีอีกทฤษฎีหนึ่งคือมีการพสมพันธุ์ที่เป็นแมวพื้นบ้านขนสั้นจับคู่กับแมวที่มาจากต่างประเทศที่มีลักษณะขนใหญ่แล้วยาว  แล้วจึงมาเป็นเมนคูน
                แต่ที่เป็นการยอมรับก็คือเมนคูนเป็นสัตว์พื้นเมืองของชนพื้นเมืองในรัฐเมน  และเป็นสัตว์ที่เลี้ยงกันมานานอย่างเป็นทางการ  และมีการบอกว่าการผสมพันธุ์เกิดจากแมวบ้านกึ่งแมวป่าผสมพันธุ์กับแรคคูน  แมวชนิดนี้จึงมีหางเป็นพวงคล้ายกันแรคคูนนั้นเอง  และมีสีและลวดลายสีน้ำตาลที่มีลักษระเหมือนแรคคูน
                ก่อนที่เมนคูนจะได้รับความนิยมนั้นมีการบันทึกไว้ในวรรณกรรมปี 1861 ได้มีการบันทึกแมวตัวสีดำและสีขาว  ของกัปตัน Jenks ได้เขียนว่าแรคคูนได้นำเข้าประกวดและได้รับรางวัลชนะเลิศในการแสดงครั้งนี้จึงทำให้เป็นที่นิยมในบอสตันและนิวยอร์ก  โดยแมวเพศเมียสีน้ำตาลที่มีชื่อว่า Cosey โดยนางเฟร็ดบราวน์เป็นคนส่งเข้าประกวด  โดยได้รับปลอกคอสีน้ำเงินและเหรียญ


                ในช่วงปี 1900  ได้เกิดวิกฤตเกี่ยวกับเมนคูน  เนื่องความนิยมเลี้ยงแมวที่ตัวใหญ่และมีขนยาวได้ลดลง  แต่ว่ามีพันธุ์ที่มีขนาดตัวเล็กกว่า  นั้นคือแมวเอร์เซียที่ได้นำมาจากตะวันออกลาง  และการแสดงของเมนคูนก็ได้สิ้นสุดลงเมื่อปี  1911  ความนิยมจึงลดน้อยลงไปเรื่อยๆ  ต่อมานั้นในปี  1950 ได้มีการพยายามพื้นฟูความนิยมของเมนคูนเกิดขึ้นโดยอัลสมิธ  โดยเขาพยายามในการจัดสายพันธุ์เมนคูนมาแสดงนิทรรศการและได้เขียนหลังสือเกี่ยวกับมาตรฐานเมนคูน
ลักษณะรูปร่าง
                เมนคูนเป็นแมวที่มีลักษณะที่ใหญ่มีขนปุกปุยหรืออาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสถาณที่อยู่อาศัย  สามารถที่จะอยู่อาศัยกับภูมิอากาศที่หนาวจัดได้  ขนของมันจะมีความยาวมาก  มึคุณสมบัติที่เด่นอีกอย่างคือม่ดวงตาที่ใหย๋เป้นรูปวงรีและมีหลากหายสี  ไม่จำเป็นที่จะดูแลเอาใจใส่มากในเรื่องความสะอาด
หัว : มีขนาดที่เล็กเมื่อเทียบสัดส่วนขงกาย  และมีหน้าผากที่กว้างมีความโค้ง  มีโหลกแก้มที่สูง
ตา : เป็นรูปวงรีคล้ายรูปไข่  ปกติจะเป็นสีฟ้า  สีเขียว และสีเหลือง  สีเหลืองจะมีมากกว่า  ตาสีฟ้ามักจะเป็นตัวที่มีสีขาว  และมีขอบตาที่ลึกลงไป
หู : หูมีขนาดใหญ่ฐานหูที่กว้าง  มีลักษระตั้งชันและมีขนบริเวณปลายหูเล็กน้อย
ลำตัว : ในแมวบ้านถือได้ว่าเมนคูนเป็นแมวที่ใหญ่ที่สุด  เพศผู้มีน้ำหนัก 6.8 – 11 กิโลกรัม  เพสเมียมีน้ำหนัก  4.5 – 6.8 กิโลกรัม  ความอาจจะมีความแตกต่างกันแต่อยู่ในระหว่าง  25 – 41 เซนติเมตร  ความยาว 120 เซนติเมตร  รวมกับหางด้วย  ลักษณะดังกล่าวจึงทำให้มีลำตัวเป้นรูปสี่เหลี่ยมพื้นผ้า  มีไหล่และสโพกกว้าง  แต่ตัวเมียจะมีขนาดเล็กกว่าตัวผู้อย่างเห็นได้ชัด  ร่างกายมีความแข็งแรงซึ่งเป็นสิ้งสำคัญในการรับน้ำหนักของมัน  ขนาลำตัวมีการเจริญเติบโตและมีการเปลี่ยนแปลงไปจนถึง 3 – 5 ปี  ซึ่งในขณะเดียวกันแมวชนิดอื่นๆ  ใช้เวลาเพียง 1 ปีเท่านั้น
หาง : ฐานที่หางกว้างและเรียวเล็กไปจรดปลายหาง  มีขนที่หางเป็นพวงเป็นพวงคล้ายหางแรคคูน
ขน : ขนของเมนคูนมีความยาวที่ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับภูมิอากาศที่เลี้ยงด้วย  และการขึ้นตามลำตัวก็จะไม่เท่ากัน  ส่วนบริเวณรอบๆคอจะมีความยาวที่มากกว่าบริเวณอื่นๆ  เหมือนขนของสิงโต  ส่วนหัวขนจะสั้นมากที่สุดเป็นขนที่มีลักษณะที่เนียนและนุ่ม  ไม่ต้องการทำความสะอาดหรือว่าดูแลเรื่องขนมากมายเมื่อเทียบกับแมวที่มียาวชนิดอื่น
สี : สีมี่ความแตกต่างกันหลากหลาย  ไม่ว่าจะเป็นลายเสือ  สีขาว  สีน้ำตาล  มักจะไม่เป็นสีเดียวไปทั้งตัวยกเว้นสีขาว

ลักษณะนิสัย
         
       เมนคูนเป็นแมวที่มีความเป็นส่วนตัวสูงและไม่ชอบที่จะอยู่กับที่เท่าไหร่  ชอบไปนั้นไปนี้หรือว่าเดินไปรอบบ้าน  มีความเฉลียวฉลาด  สามารถที่จะฝึกอบรมได้  หากเลี้ยงไว้อาจจะไม่ชอบที่จะเข้ามายุ่งกับคุณเท่าไหร่นัก  แต่มันที่จะเดินตามคุณเพื่อไปตรวจตาสิ่งของต่างๆที่อยู่รอบๆ  เพราะชอบสนใจในสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ  มันจะมีส่วนร่วมในการสังเกตุสิ่งต่างๆ  จะมีเมนคูนไม่กี่ตัวที่ชอบวื่งเพราะส่วนใหญ่แล้วมันจะเดินและเคลื่นไหวอย่างช้าๆมากกว่า  บางทีมันอาจจะอยู่รอบๆตัวหรือว่าสถาณที่คุณอยู่แต่จะไม่เข้าไปยุ่งกับคุณเท่าไหร่นัก  แมวชนิดนี้จะมีความซุกซนและขี้เล่นบ้าง  สามารถที่จะเข้ากับสุนัขหรือว่าเด็กๆได้ดี  โดยเฉพาะเพศผู้นั้นจะซนกว่าเพสเมียและมีความเป็นผู้นพและศักดิ์ศรีของตัวเอง  มีความจงรักภักดีกับเจ้านายที่เลี้ยงดู

                เป็นแมวที่มีความอ่อนโยน  และมีความพิเศษด้วยนำเสียงร้องของมันที่เวลาร้องนั้น  มีหลากหลายเสียงสามารถที่จะเป็นเพื่อนคุยแก้เหงาได้ดี
ลักษณะพิเศษ
                แมวเมนคูนสามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้แม้อากาศที่หนาวจัด  โดยขนของมันจะยาวและหนาขึ้นเมื่ออยู่ในภาวะที่อากาศหนาว  มีบริเวณด้านล่างและว่าด้านบนของมันมีการปกป้องสำหรับการเดินหรือว่านั่งในบริเวณที่มีหิมะหรือว่าน้ำแข็งได้  หางของมันเหมือนแรคคูนั้นสามารถที่จะกระดกในขณะที่มันจมอยู่หิมมะได้  สามารถที่จะใช้ในการห่มเพื่อเพิ่มความอบอุ่มนให้กับร่างกายได้  และมีอุ้งเท้าที่มีขณะใหญ่เพื่ออำนวนความสะดวกในการเดินบนหิมะหรือว่าน้ำแข็งได้ดี
สุขภาพของเมนคูน
                โรคที่มักพบบ่อยๆ  ส่วนใหญ่นั้นมาจากทางสายเลือกหรือว่าพันธุกรรมของเมนคูนเอง  โรคที่พบคือโรคหัวใจจะพบจะเป็นพันธืแท้หรือว่ามีพันธุ์อื่นผสมก็ตาม  ตั้งแต่วัยกลางจนถึงที่มีอายุมาก  ตัวผู้มักจะเป็นมากว่าตัวเมีย  จนทำให้เกิดหัวใจล้มเหลวหรือว่าเกิดอัมพาตได้



แหล่งข้อมูล www.pantip.com
 


วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557

แมวพันธุ์อเมริกันช๊อตแฮร์

                           
                                          
                                                      แมวพันธุ์อเมริกันช๊อตแฮร์


            แมวอเมริกัน ช๊อตแฮร์ ( American Shorthair Cats )   ถือกำเนิดในประเทศสหรัฐอเมริกา สมัยก่อนมีการโยกย้ายถิ่นฐานเพื่อหาที่อยู่หม่ของชาวยุโรป ทำให้มีการนำขึ้นเรือปด้วยเนื่องจากจะนำไปใช้ในการล่าหนูที่มาทำลายข้าวของ และสิ่งของที่นำตคิดตัวไปด้วย เนื่องจากนำไปหลายตัวจึงทำให้มีการผสมพันธุ์กันและขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนมา เรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน
ลักษณะมาตรฐานของแมวสายพันธุ์อเมริกันช๊อตแฮร์ ( American Shorthair Cats )
            เป็น แมวที่มีโครงสร้างเหมาะสม ไม่มีส่วนที่ขยายใหญ่โตเกินไป มีโครงสร้างที่แข็งแรง ได้สัดส่วนดี เป็นแมวที่มีความอดทน ปราดเปรียว ว่องไว
            ส่วนหัว กว้างรูปไข่ ใบหน้าอิ่มเอิบ
            ปาก เป็นรูปสี่เหลี่ยม ไม่หดสั้นเหมือนแมวเปอร์เซีย
            ตา กลมโต มุมตาด้านนอกสูงกว่ามุมตาด้านใน
            จมูก ขนาดปานกลาง มีลักษณะโค้งเว้าจากดั้งจมูกจนถึงหน้าผาก
            ลำตัว ใหญ่ มีกล้ามเนื้อและหัวไหล่ที่แข็งแรง มองจากด้านข้างจะโค้งลงเล็กน้อยตั้งแต่กระดูกสะโพกถึงโคนหาง
            ขา และกระดูกขายาวปานกลาง มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงมาก
            หาง ยาวได้สัดส่วนกับร่างกาย โคนหางใหญ่ ปลายหางเล็ก
            ขน สั้น แน่นและมันเป็นเงา
            ลักษณะ สีขน มีมากกว่า 80 แบบ มีตั้งแต่ สีน้ำตาล Striking tabby ไปจนถึง แมวสีขาวตาสีฟ้าสดใส หรือ Shaded silver รวมไปถึงสี Calico van และสีอื่นในระหว่างนี้ สีที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด คือ สี Silver tabby แต่ละสีก็จะมีลักษณะบางอย่างที่แตกต่างกันออกไป
เช่น สี Silver tabby ส่วนของริมฝีปาก คางและลำตัวมีสีเงิน มีสีดำพาดตามลำตัว แผ่นเท้ามีสีดำ จมูกมีสีแดงอิฐ ตามีสีเขียว      

นิสัยของแมวอเมริกัน ช๊อตแฮร์
แมว สายพันธุ์อเมริกัน ช๊อตแฮร์ เป็นแมวขี้เล่น รักความสนุกสนาน สังเกตได้จากการเล่นของแมวพันธุ์นี้ เรียกได้ว่า ข้าวของจะวางไว้ไม่เป็นระเบียบไม่ได้ แต่เจ้าของสามารถฝึกได้ เนื่องจากเป็นแมวที่เรียนรู้ได้เร็วและฉลาดปราดเปรียว มีความเป็นนักล่า ชอบการเล่นไล่จับสัตว์ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ต้องการความเอาใจใส่มากนักแต่ก็ชอบให้เจ้าของเล่นด้วย
                สำหรับ คนที่เลี้ยงแมวสายพันธุ์นี้ก็สบายใจได้เพราะแมวพันธุ์นี้เลี้ยงง่าย ไม่ค่อยต้องการความเอาใจใส่มากนัก เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับนิยมอย่างมากในหมู่ของคนรักแมว  ในเรื่องของราคาแมวอเมริกัน ช๊อตแฮร์ ก็จะมีตั้งแต่ราคาประมาณ 4,000 บาทขึ้นไปขึ้นอยู่กับความลักษณะสวยงาม
 
 แหล่งข้อมูล  www.petinthai.com